1. แบตเตอรี่กรดตะกั่ว (Lead-Acid Battery):

   • พลังงานที่จัดเก็บได้มาก
   • ราคาถูก
   • น้ำหนักมาก
   • อาจมีพิษและมีโอกาสรั่วไหล

2. แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน (Lithium-Ion Battery):

   • มีน้ำหนักเบา
   • พลังงานสูง
   • มีอายุการใช้งานยาวนาน
   • ราคาสูง
   • มีความเสี่ยงต่อการไหลซึมและการไฟฟ้าขัดข้อง

3. แบตเตอรี่ลิเธียม-โพลิเมอร์ (Lithium Polymer Battery):

   • มีความยืดหยุ่นในการออกแบบรูปทรง
   • มีน้ำหนักเบา
   • สามารถใช้ในอุปกรณ์ที่มีขนาดและรูปทรงไม่เป็นมาตรฐานได้

4. แบตเตอรี่นิกเกิล-แคดเมียม-ไฮเดริด (Nickel-Cadmium Battery):

   • มีโอกาสเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ไม่ต้องการทำให้เกิดการหลุดหรือรั่วไหล
   • มีเสถียรภาพในการสร้างกระแสไฟฟ้า

5. แบตเตอรี่ไอรอน-ซิงเขต (Iron-Zinc Battery):

   • ราคาถูก
   • มีความปลอดภัยมากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียม
   • ไม่มีโอกาสเกิดการรั่วไหลและระเบิด

6. แบตเตอรี่ฟลูออไรด์ (Fluoride-Ion Battery):

   • มีศักยภาพในการจัดเก็บพลังงานที่สูงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน
   • สามารถใช้งานได้ในอุณหภูมิสูง
   • ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่และยังไม่ได้พัฒนาในขนาดที่ใช้งานได้จริง

ทั้งนี้ การเลือกใช้แบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละสถานการณ์ และควรพิจารณาถึงคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความปลอดภัย เสถียรภาพ และราคาในการตัดสินใจในการเลือกใช้แบตเตอรี่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งานแต่ละกรณี อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีแบตเตอรี่ยังต่อเนื่องในการพัฒนาและอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่อาจมีความสำคัญในการสรุปเรื่องแบตเตอรี่ชนิดต่างๆ ต่อไป

ดังนั้น การเลือกใช้แบตเตอรี่ควรพิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสมของแต่ละชนิดตามการใช้งานและความต้องการของผู้ใช้ เช่น การใช้งานในระยะเวลายาวนานหรือสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่กำลังค้นหาการเลือกใช้แบตเตอรี่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกสถานการณ์โดยไม่มีคำตอบที่แน่นอนว่าชนิดไหนเป็นที่ดีที่สุดในทุกกรณี ควรพิจารณาเป็นรายๆ ตามความต้องการและเงื่อนไขของแต่ละผู้ใช้